ประเภทของ AI และการประยุกต์ใช้งานที่ควรรู้
หากคุณเคยนั่งนึกสงสัยกลางการใช้มือถือในคาเฟ่ว่า ทำไมมือถือถึงรู้ได้ว่าคุณอยากฟังเพลงอะไร คำตอบหนึ่งนั้นคือ “AI” หรือปัญญาประดิษฐ์ ระบบที่แทรกซึมอยู่ในแอปที่เราใช้ ธนาคารที่เราเช็กยอดเงิน แม้แต่แนะนำหนังที่ฟังดูเหมือนไม่เกี่ยวแต่พอดูไป กลับเป็นแนวที่ชอบอย่างน่าเหลือเชื่อ โลกทุกวันนี้ AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่เข้าใกล้ความเป็นจริงในทุกมิติของชีวิตเรา
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence (AI) นั้น คือศิลปะของการสร้างซอฟต์แวร์หรือเครื่องจักรที่ “คิด” “วิเคราะห์” และ “ตัดสินใจ” ได้เอง โดยอาศัยข้อมูลมากมายก่ายกองกับอัลกอริทึมสุดแสนซับซ้อน AI ทำงานแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ไม่บ่น ไม่หลงลืม และพัฒนาตัวเองจากประสบการณ์ในแต่ละวันได้ด้วย
ความน่าสนใจของ AI ไม่ใช่แค่ว่ามันฉลาดล้ำจนกลายเป็นข่าวใหญ่ในหน้าหนังสือพิมพ์ แต่มันได้เข้ามาเปลี่ยนชีวิตจริงของเราอย่างเงียบๆ ทั้งด้านธุรกิจ สุขภาพ โรงงาน โรงเรียน ไปจนถึงระบบจราจรในแต่ละวัน
ในบทความนี้ เราจะพาทุกคนเจาะลึกไปกับประเภทของ AI ที่คนควรรู้ พร้อมยกตัวอย่างการประยุกต์ใช้จริงที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและอาชีพปัจจุบันแบบรอบด้าน เพื่อให้คุณเข้าใจและพร้อมรับมือกับโลกที่เปลี่ยนเร็วขึ้นทุกปี
การจำแนกประเภทของ AI (Types of AI Classification)
AI ไม่ได้มีเพียงแบบเดียวเหมือนที่คนส่วนใหญ่คิด แต่แบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ Narrow AI, General AI และ Super AI ซึ่งแต่ละแบบมี “คาแรกเตอร์” และขอบเขตความฉลาดแตกต่างอย่างชัดเจน
Narrow AI (Artificial Narrow Intelligence, ANI)
Narrow AI หรือ Weak AI เป็น AI รุ่นที่อยู่ในการใช้งานรอบตัวเราตั้งแต่แอปเพลงยันกล้องมือถือ AI ประเภทนี้ถนัดเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ เช่น แปลภาษา ออกเสียง แยกใบหน้า หรือแนะนำสินค้า พูดง่าย ๆ คือ มืออาชีพด้านเดียว อาจเก่งกว่าเจ้าของงานเดิม ๆ ด้วยซ้ำ แต่ “ไม่ยืดหยุ่น” ในการเปลี่ยนสายงาน
ตัวอย่างเช่น Siri ที่เราคุยด้วยใน iPhone, ระบบตรวจจับสแปมในอีเมล Google หรือ AI ที่ช่วยหาหนัง Netflix ให้โดนใจคุณแต่ละคืน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็น Narrow AI ที่แม่นยำ ตามคำสั่งเป๊ะ ๆ
ข้อดี คือทำงานเร็วและแม่นยำกับโจทย์เฉพาะทาง ลดเวลาคนไปได้เยอะทีเดียว ข้อจำกัดคือ ถ้าเจอสถานการณ์ใหม่เกินความเข้าใจ หรือถูกใช้นอกขอบเขตเดิมจะแก้ปัญหาเองไม่เป็น
General AI (Artificial General Intelligence, AGI)
General AI หรือ Strong AI ยังไม่มีอยู่จริงในเชิงใช้งาน (ในปี 2024) เป็นจุดมุ่งหมายของนักวิทยาศาสตร์สาย AI เพราะจะเป็น AI ที่ทำได้ทุกอย่างอย่าง “มนุษย์จริงๆ” ตั้งแต่คิด วิเคราะห์ แก้ปัญหา ไปจนถึงสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เข้าใจอารมณ์มนุษย์ อารมณ์ขัน อุปมาอุปไมย ฯลฯ
จุดเด่นของ AGI คือความสามารถในการโยกย้ายความรู้ข้ามศาสตร์ เรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ และประยุกต์ใช้ทันที ยังเป็น “ดาวรุ่ง” ที่วงการ AI ทั่วโลกตั้งเป้า แต่มนุษย์ยังไปไม่ถึงขั้นนี้
Super AI (Artificial Super Intelligence, ASI)
Super AI ยังเป็นเพียงคอนเซปต์ในโลกวิชาการ ไม่มีใครรู้ว่าหากเกิดขึ้นจริงจะเปลี่ยนโลกได้มากแค่ไหน เพราะมันจะมีศักยภาพมากกว่าคนเรา ทั้งสติปัญญา การวิเคราะห์ การสร้างสรรค์ และอาจครองโลกแห่งการแก้ปัญหาได้อย่างสมบูรณ์ จนเกิดกระแสถกเถียงเรื่องจริยธรรมและความปลอดภัยอย่างกว้างขวาง
กล่าวได้ว่าถ้าวันหนึ่งมี Super AI ขึ้นมา มนุษย์ก็ต้องเตรียมพร้อมเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ “ยังคาดไม่ถึง”